วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

โครงการ “ ปันรัก ปันยิ้ม ให้น้อง ๆ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ”


จากปัญหาการก่อความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติในภาพรวม ก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นจำนวนมาก ตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา หน่วยเฉพาะกิจสันติสุข  ได้รับมอบภารกิจเสริมสร้างความเข้าใจในสถานศึกษาในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเด็กนักเรียนของโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่ จัดเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต


จากการเข้าดำเนินการพบว่า โรงเรียนส่วนใหญ่มีความขาดแคลนอุปกรณ์เพื่อใช้การศึกษา และอาคารสถานที่มีความทรุดโทรมจึงเป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่ง ที่ทำให้มาตรฐานคุณภาพการศึกษาของเยาวชนในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ซึ่งภาครัฐก็ได้พยายามเข้าให้การช่วยเหลือแต่ด้วยงบประมาณที่มีจำกัด จึงทำให้สถานศึกษาหลายแห่งไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร ซึ่งหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข ได้มองเห็นความสำคัญของปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ จึงได้แสวงความร่วมมือและประสานงานกับภาคเอกชนที่มีความประสงค์ในการให้ความช่วยเหลือ เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาแก่โรงเรียนในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้


ภายใต้ชื่อโครงการ ปันรัก ปันยิ้ม ให้น้อง ๆ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง หน่วยเฉพาะกิจสันติสุข และภาคเอกชนอันประกอบด้วย บริษัทในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป, มูลนิธิเพื่อพัฒนาชุมชนและเกษตรกรรม, บริษัท คาร์กิลล์มีทส์(ไทยแลนด์) จำกัด, นักศึกษาปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) โครงการบัณฑิตศึกษา สาขาบริหารธุรกิจ (สปท.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่นที่ ๒๒ และ หลักสูตร โครงการปริญญาโทสำหรับผู้บริหาร (EX-MBA) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เกษตรศาสตร์ รุ่นที่ ๒๔ เข้าดำเนินการพัฒนาโรงเรียนในพื้นที่จำนวน ๖ แห่ง ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านเตรียมปัญญา ดำเนินการก่อสร้างสหกรณ์ร้านค้าและทาสีแทงค์น้ำ, โรงเรียนอิสลามนิติวิทย์ มอบกระเป๋านักเรียนพร้อมอุปกรณ์การเรียน,  โรงเรียนศาลาฟี มอบกระเป๋านักเรียนพร้อมอุปกรณ์การเรียน, โรงเรียนบ้านโคกตีเต ดำเนินการก่อสร้างห้องสมุด, โรงเรียนบ้านตะโละแนง ดำเนินการก่อสร้างห้องสุขาและเตาเผาขยะ และ โรงเรียนบ้านโคกสุมุ ก่อสร้างห้องสุขา โดยมี ชุดช่างจาก ชุดควบคุมทักษิณสัมพันธ์ เป็นหน่วยรับผิดชอบในการก่อสร้าง พร้อมทั้งจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ และสร้างทัศนคติที่ดีระหว่างบุคคลากรทางการศึกษาและประชาชนในชุมชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นการสร้างสภาวะที่เกื้อกูล ต่อการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ นำมาสู่ความร่วมมือกันในที่สุด และความสันติสุขอย่างยั่งยืนในพื้นที่ตลอดไป


จากการเข้าดำเนินกิจกรรมในสถานศึกษาทั้ง ๖ โรงเรียน ส่งผลให้บุคคลากรทางการศึกษาและประชาชนในชุมชน เกิดความไว้วางใจ เชื่อมั่น และมีทัศนคติที่ดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ให้การต้อนรับและความร่วมมือเป็นอย่างดี ด้วยรอยยิ้มและการพูดคุยดั่งเช่นพี่น้อง เด็กนักเรียนมีความสุข ยิ้มแย้ม หัวเราะและ         ร่วมเล่นกิจกรรมกับเจ้าหน้าที่อย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นภาพที่ประทับใจต่อกลุ่มผู้ให้การสนับสนุนและผู้ร่วมกิจกรรมเป็นอย่างมาก อันเป็นสัญญาณที่ดีที่จะส่งผลให้เกิดความรัก ความเข้าใจในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะนำมาสู่สันติสุขที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

2 ความคิดเห็น: